วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2558

เทคนิคการเล่นฟุตบอลแต่ละตำแหน่ง

วันนี้ขอเสนออีกหนึ่งแทคติกของการเล่นฟุตบอลที่ดีนะครับ เพราะว่าการเล่นฟุตบอลสมัยนี้ ของแต่ละทีมนั้นเขาก็มีเทคนิคแล้วแทคติกที่ดีเยี่ยมไว้รองรับมือกับคูแข่งของเขาเสมอ ลูกเล่นแพรวพราวบางทีมก็อาศัยความไวของกองหน้าปั่นป่วนกองหลัง บางทีมก็ใช้ปีกฝีเท้าจัดจ้านเลี้ยงเลื้อยไปเรื่อย เพื่อเรียกฟลาว์แล้วก็เพื่อเรียกใบเหลืองได้เสมอๆ บางทีก็อาศัยกองกลางป้วนเปี้ยนแดนกลางสนาม และอีกหนึ่งเทคนิคที่โค้ชเอามาเป็นทีเด็ดในการให้กองหน้าปั่นป่วนกองหลังทีมผู้ฝ่ายตรงข้ามนั่นคือความได้เปรียบทางเรื่องของด้านการโหม่ง ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นตัวสูงอาศัยชิงได้เปรียบของทางด้านเรื่องของโหม่งทำประตู หรือจะเป็นผู้เล่นที่กระโดดสูงต้องอาศัยความว่องไวเทคนิคดึงกองหลังหรือวิ่งหลบหลีกกองหลังพอได้จะจังหวะที่เปิดจากด้านข้างสนามจากเพื่อนร่วมทีม ทีมนัดแนะกันไว้แล้วอาศัยการกระโดดสูงตัดหน้ากองหลังโขกเพื่อเข้าทำประตู แต่ไม่เป็นไรครับวันนี้เรามีเทคนิคดีๆมาเสนอ เทคนิคนี้ใช้ได้กับหลายตำแหน่งหรือหากเราเป็นผู้เล่นที่เสียเปรียบทางด้านรูปร่าง และหลายจังหวะเพื่อกดดันหรือบีบไม่ให้ผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม ไม่ให้กระโดดโหม่งง่ายๆ เรามาดูกันดีกว่าครับว่าเทคนิคที่ว่านี้จะทำได้อย่างไร เริ่มกันเลยครับ
ก่อนอื่นเลยต้องอาศัยการอ่านเกมด้วยครับว่าลูกบอลจะถูกโยนมาทางตำแหน่งที่เรายืนอยู่หรือเปล่า
ในทีมเราแต่คนนั้นหากไม่ได้ทำเกมบุก ผู้คนในทีมเราก็จะต้องมีหน้าที่คือวิ่งปิดตัวประกบ เพื่อไม่ให้เขาจ่ายบอลได้ง่ายๆ
ให้ยืนข้างๆหรือไล่ตามตัวประกบอยู่เสมออย่าให้คลาดสายตา เพราะเมื่อถึงเวลาหากต้องกระโดดโหม่ง จะได้เข้ากดดันผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามได้ทันท่วงที
คราวนี้มาถึงเวลาเข้ากดดันในการโหม่ง เมื่อถึงเวลาที่ลูกฟุตบอลถูกโยนโด่งมาให้ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามที่เราประกบนั้น ก่อนอื่นเลยให้เรากดดันจากด้านข้างโดยการเข้าไปกระแทกจากด้านข้าง ย้ำนะครับว่าด้านข้างเท่านั้นห้ามเข้าด้านหลังเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามเขาจะใช้แทคติกแกล้งล้ม แล้วเราจะโดนจับฟลาว์ทันที ถ้าเข้าข้างหลังบ่อยๆอาจจะโดนถึงใบเหลืองได้ มาต่อ พอเราเข้ากระแทกจากด้านข้างแล้วให้เบียดๆกระแซะๆ SBO แล้วอาศัยจังหวะที่บอลกำลังถูกโยนมาให้เราอาศัยจังหวะนี้ เอามือของเรานั้นสอดเข้าไปทางด้านหลังแขน สอดเข้าตรงรักแร้ เอาทั้งแขนเราไปพาดที่หน้าอกของคู่ต่อสู้ ในลักษณะหงายมือแล้วก้อแบนิ้วมือทั้งห้านิ้วออก เพราะในจังหวะเวลาที่เราแย่งกันโหม่งนั้น โดยธรรมชาติคนเรานั้นจะกางแขนออกเพื่อตั้งหลักในการโหม่งและเพื่อดันไม่ให้คู่ต่อสู้ของเขาแย่งโหม่งได้
การสอดมือและแขน ของเราเข้าไปขวางตรงหน้าอกนั้นเพื่อไม่ให้คู่ต่อสู้กระโดดโหม่งได้อย่างถนัดแน่นอนเพราะแขนเราได้ไปทำการล็อคจังหวะของการกระโดดของเขาแล้ว ที่เหลือก็แค่เบียดๆดันๆให้เป๋นิดหน่อยครับ
แล้วก็อย่าลืมนะครับอย่าคว้ำมือเข้าหาหน้าอกของคู่ต่อสู้นะครับ เพราะกรรมการจะมองว่าเราเอามือไปกดแล้วจะถูกมองว่าดึงเสื้อก็เป็นได้
ลองเอาไปฝึกใช้กันดูนะครับสำหรับผมใช้ได้ดีเลยแหละ ดีกว่าการดึงด้วยเพราะหากถ้าดึงแล้วกรรมการเห็นจะโดนจับฟาลว์เอาได้ครับ แล้วพบกับเทคนิคดีๆในสไตล์คนบ้าบอลได้ใหม่ในโอกาสหน้าครับ ขอบคุณครับผม


มารยาทของที่ดีของผู้เล่นและผู้ชม

มารยาทของที่ดีของผู้เล่นและผู้ชม

มารยาทของผู้เล่นที่ดี ควรมีลักษณะดังนี้
1. ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับและกติกาการแข่งขันอย่างเคร่งครัดอยู่เสมอ
2. ควรแสดงน้ำใจที่เป็นมิตรและให้เกียรติแก่ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างดี เช่น การจับมือทักทายปราศรัยซึ่งกันและกัน ทั้งก่อนและหลังเล่น
3. เคารพและเชื่อฟังกรรมการผู้ตัดสินและกรรมการเจ้าหน้าที่อื่นๆที่เกี่ยวข้อง
4. เคารพและเชื่อฟังทั้งหัวหน้าทีม และครู อาจารย์ผู้ควบคุมอยู่เสมอ
5. มีความสุภาพเรียบร้อยไม่แสดงกิริยาอาการเย่อหยิ่ง จองหอง โอ้อวดต่อผู้อื่น
6. รู้จักควบคุมอารมณ์และสติได้ดี ไม่แสดงกิริยาอาการโมโหฉุนเฉียว
7. ควรเล่นด้วยชั้นเชิงที่เหมาะสมกับการเล่น ไม่ควรกลั่นแกล้งหรือเอาเปรียบผู้อื่นในทางที่ไม่ถูกต้อง ถ้าเกิดการผิดพลาด ต้องกล่าวคำขอโทษ และให้อภัยซึ่งกันและกัน
8. เมื่อชนะไม่ควรแสดงความดีใจจนเกินไป และเมื่อแพ้ก็ไม่ควรเสียใจจนออกนอกหน้า ต้องมีใจคอหนักแน่น และอดทน
9. แต่งกายด้วยชุดกีฬาที่ถูกต้องเหมาะสมและปลอดภัย
10.รู้จักแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในการเล่นได้ดี ถูกต้อง เหมาะสม
11.รู้จักประมาณกำลัง และความสามารถของตนเอง
12.จะต้องเรียนรู้ระเบียบข้อบังคับ และกฎกติกาการเล่นอย่างดี
13.ควรฝึกทักษะพื้นฐานให้มีความชำนาญเป็พิเศษ เพื่อช่วยในการเล่นมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
มารยาทของผู้ดูที่ดี มีดังนี้
1. ให้เกียรติแก่ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายด้วยการปรบมือก่อนและหลังการแข่งขัน
2.ให้เกียรติผู้ตัดสิน และกรรมการเจ้าหน้าที่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
3.ชมเชยผู้เล่นทั้งสองฝ่ายที่เล่นได้ดีด้วยการปรบมือ
4.ให้เกียรติและยกย่องผู้เล่นทั้งสองฝ่าย ทำใจให้เป็นกลาง ไม่เชียร์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยเฉพาะ
5.เคารพในคำตัดสินของกรรมการผู้ตัดสิน ไม่ก้าวร้าว หรือด่าทอ
6.ไม่ก่อเรื่องทะเลาะวิวาทแก่ฝ่ายคู่ต่อสู้ หรือกรรมการเจ้าหน้าที่ใดๆ
7.มีความเห็นอกเห็นใจแก่ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายไม่แสดงกริยาวาจาไม่สุภาพเมื่อผู้เล่นเล่นผิดพลาด
8.มีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ และรู้จักการให้อภัยซึ่งกันและกัน
9.มีความเลื่อมใสและศรัทธาในอุดมการณ์ของการเล่นกีฬาอย่างแท้จริง



การพักผ่อนของนักกีฬา

การพักผ่อนของนักกีฬา

นอนหลับอย่างน้อยวันละกี่ชั่วโมงนักกีฬาต้องรู้!!!

นอนหลับอย่างน้อยวันละกี่ชั่วโมง นักกีฬาฟุตบอลหลายๆ คนคงรู้กันดีอยู่แล้วว่า การนอนหลับพักผ่อนส่งผลต่อพลกำลัง ความสดชื่น ส่งผลอย่างมากในการฝึกซ้อมและแข่งขันของนักกีฬาฟุตบอล หลายๆ ครั้ง นักกีฬาฟุตบอล ได้นอนไม่กี่ชั่วโมงก่อนการแข่งขัน มันส่งผลเสียต่อร่างกาย ความคิด การตัดสินใจ ของระบบสั่งการของสมองและประสาท อาจจะเิกิดจากความตื่นเต้น หรือกิจกรรมก่อนนอน
มาดูช่วงเวลาของมนุษย์ จะได้ทราบว่าแต่ละช่วงอายุ ต้องนอนหลับอย่างน้อยวันละกี่ชั่วโมงกันครับ
เด็กทารก ระหว่าง0-2 เดือน ควรนอนหลับอย่างน้อย 12-18 ชั่วโมง
เด็กทารก ระหว่าง3-11 เดือน ควรนอนหลับอย่างน้อย 14-15 ชั่วโมง
เด็กอายุ 12 เดือน- 3ขวบ ควรนอนหลับอย่างน้อยวันละ 12-14 ชั่วโมง
เด็กอายุ 3-5 ขวบ ควรนอนหลับอย่างน้อยวันละ 11-13 ชั่วโมง
เด็กอายุ 5-10 ปี ควรนอนหลับอย่างน้อยวันละ 10-11 ชั่วโมง
วัยรุ่นอายุ 11-17ปี ควรนอนหลับอย่างน้อยวันละ 8.5-9.25 ชั่วโมง
ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ ควรนอนหลับอย่างน้อยวันละ 7-9 ชั่วโมง
สตรีมีครรภ์ ควรนอนหลับอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง

สำหรับนักกีฬาฟุตบอล การนอนหลับไม่เต็มที่ ส่งผลเสียโดยตรงต่อระบบสั่งการของร่างกาย อาจเกิดกรณี เท้าหรือขาไม่เป็นไปตามสมองสั่ง หรือเชื่องช้าไปจังหวะ
ข้อแนะนำสำหรับการนอนหลับ คือ ก่อนการแข่งขัน ควรนอนไม่เกิน5 ทุ่ม ตื่นในช่วงเวลา 06.00น. ไม่ควรนอนมากเกินไป สาเหตุเป็นเพราะ ร่างกายอาจไม่ตื่นตัว ภาษานักกีฬาเค้าเรียกว่า อืด
ยิ่งเรามุ่งมั่น ตั้งใจ ทุ่มเท ในการฝึกซ้อมกีฬาเพื่อการแข่งขันด้วยแล้ว ความตื่นเต้น ความเครียดเล็กๆ ความกังวล การสร้างจินตนาการก่อนการแข่ง ความอยากที่จะแข่งขันเร็วๆ มักเพิ่มขึ้น เป็นสาเหตุให้นอนหลับได้ยาก
นอกจากการนอนหลับ กิจกรรม อย่างอื่น อาจส่งผลเสียต่อร่างกายนักกีฬา เช่น การเดินช้อปปิ้ง การดื่มของมึนเมา ควรหลีกเลี่ยง
หากจำเป็นต้องเดินไปไหนมาไหน ด้วยการเดินเท้า ควรเปลี่ยนจากการสวมรองเท้าแตะ เป็นการสวมรองเท้าผ้าใบแทน เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ และถนอมเท้าของนักกีฬาเป็นต้น
มีคำกล่าวในกลุ่มของนักฟุตบอลว่ากันว่า

***อดข้าวก่อนแข่ง..ยังดีกว่าอดนอน..***

เทคนิคการเลี้ยงบอลหลบคู่ต่อสู้

เทคนิคการเลี้ยงบอลหลบคู่ต่อสู้
นักฟุตบอลคนใดก็อยากที่จะมีทักษะการเลี้ยงฟุตบอลที่ถูกแย่งจากคู่ต่อสู้ได้ยากที่สุด ปัจจุบันลีลาการเลี้ยงฟุตบอลของนักเตะระดับโลก อย่างคริสเตียโน่ โรนัลโด้ เนมาย์ เมสซี่ คือแบบฝึกท่าเลี้ยงฟุตบอล ที่นักฟุตบอลยุคใหม่นำมาลอกเลียนแบบกัน สาเหตุก็เพราะว่า มีความสวยงาม อยากเรียกเสียงฮือฮาได้ว่างั้น
แต่ความเข้าใจดังกล่าว มีส่วนผิดตรงที่ว่า จุดประสงค์ของการเลี้ยงลูกฟุตบอลอันดับแรกคือ เพื่อป้องกันการแย่งการครอบครองบอลจากคู่ต่อสู้หรือทีมตรงกันข้าม ซึ่งผมมองเห็นว่านักฟุตบอลยุคใหม่ เน้นความสวยงามของท่าเลี้ยง ลอกเลียนแบบกันเสียเป็นส่วนใหญ่ คือพอให้ทำเป็นแล้วนำมาใช้ อยากกระซิบบอกจริงๆ ว่า บรรดากองหลังยืมเอามือเช็ดน้ำลายอยู่ ถ้าหากเจอท่าเลี้ยงแบบนี้จากมือสมัครเล่น
เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะมาดูว่าท่าเลี้ยงฟุตบอลที่แย่งยากที่สุดเป็นอย่างไร อยากทำความเข้าใจกับนักฟุตบอลยุคใหม่ว่า การเลี้ยงบอลให้แย่งยากนั้น อาศัยประเด็น เรื่องความได้เปรียบ สังเกตจุดอ่อนคู่ต่อสู้ เช่น กองหลังตัวใหญ่ช้า หรือชอบเข้าบอลพรวดพราด เป็นต้น จากนั้นเราจึงนำเรื่องจังหวะหรือสเต็ป การเลี้ยงฟุตบอลให้เหมาะสมประกอบการเลี้ยงฟุตบอลเป็นดีที่สุด
หลายๆ คนที่เห็น เวลาเล่นฟุตบอล ทั้งๆ ที่ ในจังหวะแรกทำให้คู่ต่อสุ้เสียหลักไปแล้ว ยังจะหมุนวนกลับมาหลอกคู่ต่อสู้คนเดิมอีก แทนที่จะช่วงชิงจังหวะดังกล่าวเล่นบอลในที่ว่างหรือส่งให้เพื่อนร่วมทีม นี่ก็เป็นอีกหนึ่งทัศนคติที่มักปฏิบัติผิดพลาดกัน
บางคนก็ไม่ประเมินเลยว่า กองหลังเขามีความเร็วกว่า แตะบอลจังหวะแรกยาวเป็นกิโล จิ้มวิ่งแข่งกับเขาอยู่งั้นแหละ ไม่ใช่สมองเอาเสียเลย
การเลี้ยงฟุตบอล จึงควรทำในโอกาส การเอาตัวรอด การหาจังหวะหลบหลีกคู่ต่อสู้ เพื่อรุกเข้าพื้นที่สำคัญ ส่งให้เพื่อน หรือยิงประตู ก็เท่านั้น หากใครมีทัศนะคติเช่นนี้ ก็จะเข้ากับระบบการเล่นฟุตบอลสมัยใหม่ ไม่ใช่วันแมนโชว์ ซึ่งสร้างความเบื่อหน่ายให้แก่คนชม และเพื่อนร่วมทีม ที่เห็นการเล่นที่ผิดพลาดบ่อยๆ
ท่าเลี้ยงฟุตบอลที่แย่งยากๆ ไม่ได้เกิดจาก ความสวยงามเพียงอย่างเดียว มันเกิดจากความชำนาญ การฝึกฝนอย่างหนัก และมีการพิจารณาว่า ท่าเลี้ยงของเรามีประสิทธิภาพเพียงใดครับ

.... ชอบดูคนเลี้ยงบอลเก่งๆ แย่งยากๆ เหมือนกัน แต่ถ้าเลี้ยงเพื่อเรียกเสียงกรี้ดกร้าดจากสาวๆ อันนี้ นักฟุตบอลเพื่อนร่วมทีมหรือฝ่ายตรงข้ามเขาจะหมั่นไส้เอาจ๊ะ...

เทคนิคการฝึกซ้อม “ผู้รักษาประตู”


เทคนิคการฝึกซ้อมตำแหน่ง ผู้รักษาประตู
กีฬาฟุตบอล เป็นกีฬาที่เป็นที่นิยมของคนไทยและคนทั่วโลก ฟุตบอลมีผู้เล่นข้างละ 11คน แบ่งเป็น 2ทีม วิธีการเล่น ผู้เล่นแต่ละทีมจะยิงลูกฟุตบอลให้เข้าประตูของทีมฝ่ายตรงข้าม ซึ่งตามกติกาผู้เล่นจะสามารถใช้อวัยวะในส่วนของเท้า ขา เข่า และหัวในการสัมผัสลูกฟุตบอล แต่จะมีเพียงตำแหน่ง ผู้รักษาประตูเท่านั้น ที่สามารถใช้มือหรือแขนในการรับ ปัด ลูกฟุตบอลเฉพาะในบริเวณกรอบเขตโทษของประตู ซึ่งจากประสบการณ์ของผู้เขียนที่เคยเล่นเป็นตำแหน่งผู้รักษาประตูในงานกีฬาบุคลากรจุฬาฯ ครั้งที่ 36และการแข่งขันฟุตบอลในรายการอื่นๆ คิดว่า ตำแหน่งผู้รักษาประตูนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการช่วยป้องกันประตู รวมถึงคุณสมบัติของผู้รักษาประตูต้องมีทักษะขั้นพื้นฐานในรับและปัดลูกฟุตบอล จึงอยากแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับเทคนิคพื้นฐานการเป็นผู้รักษาประตูดังนี้

1ฝึกรับลูกฟุตบอลด้วยสองมือ
- ผู้รักประตูให้กางมือ2ข้าง เป็นรูปตัววี โดยให้นิ้วหัวแม่โป้งจรดกัน
-
ผู้รักษาประตูยืนกางขา ตามองที่ลูกฟุตบอล
-
เพื่อนในทีมโยนลูกฟุตบอลไปที่ระดับหน้าอกของผู้รักษาประตู
-
สลับกับโยนลูกฟุตบอลไปทางซ้ายและขวา
2ฝึกปัดลูกฟุตบอล
- ผู้รักษาประตูยืนกางขาและย่อเข่าเล็กน้อย
-
เพื่อนในทีมเตะลูกฟุตบอลไปที่มุมสามเหลี่ยมด้านซ้ายของประตู
-
ผู้รักษาประตูขยับเท้าซ้ายเล็กไปทางซ้ายเล็กน้อย แล้วใช้เท้าขวาถีบตัวพุ่งไปปัดบอลอย่างรวดเร็ว
-
สลับพุ่งปัดมุมสามเหลี่ยมทางซ้ายและขวาของประตู
เทคนิคดังกล่าวข้างต้น เป็นเทคนิคขั้นพื้นฐานสำหรับผู้รักษาประตูที่หัดเริ่มเล่น ในการฝึกซ้อมช่วงแรก อาจจะยังไม่ชำนาญในการรับลูกฟุตบอล แต่ถ้าหมั่นฝึกซ้อมบ่อยๆ ก็จะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถให้กับตัวเราเอง และเล่นฟุตบอลได้อย่างมั่นใจด้วย

วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2558

เทคนิคยิงบอลให้แรง


ยิงบอลให้แรง วิธีเตะบอลให้แรง ยิงประตูให้แรง เตะบอลอย่างไรให้แรง วิธียิงไกล เทคนิคยิงประตู

เทคนิคการเตะฟุตบอลให้แรง

ความใฝ่ฝันของนักฟุตบอลหลายๆ คน คือ สามารถเตะลูกฟุตบอลให้มีความรุนแรงที่มักสร้างปัญหาให้กับผู้รักษาประตู และ เรียกเสียงฮือฮาจากเพื่อนร่วมทีมและกองเชียร์ได้แทบทุกครั้ง แต่สิ่งสำคัญที่สุดของการยิงประตูให้แรงนอกจากเรื่องความแม่นยำในการถูกโฟกัสของลูกฟุตบอลแล้ว มันยังมีเทคนิคการเตะฟุตบอลให้แรงดังต่อไปนี้ที่จะทำให้เพื่อนๆเตะลูกบอล ให้มีพลัง ความรุนแรงโดยเตะอย่างง่ายดายแทบไม่ต้องออกแรงเยอะอีกด้วย ลูกยิงที่มีความรุนแรง

 วิธีการยิงบอลให้แรง

1. เพิงระลึกว่าการเตะบอลให้แรงไม่ใช่การใช้แรงในการยิง100 เปอร์เซ็น แต่ใช้แรงประมาณ 60-80 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น (หากกล้ามเนื้อมีความแข็งเกร็ง ความแม่นยำ ในการที่เท้าปะทะลูกฟุตบอลก็จะน้อยลง)

2. การวางเท้า ให้ส้นเท้า ของเท้าวาง อยู่เสมอ แนวต่ำสุดของลูกฟุตบอล โดยห่างวางห่างจากลูกฟุตบอล ประมาณ ช่วงความยาว 1 1/2 ของลูกฟุตบอล

3. การยิงให้ใช้ส่วนที่แข็งที่สุดของหลังเท้า คือ แนวกระดูกนิ้วหัวแม่เท้า ต่ำกว่าข้อเท้าประมาณ 3 นิ้ว เป็นจุดปะทะลูกฟุตบอล (ลองเอามือคลำดูก่อนครับ)

4. ขณะยิง เท้าที่ใช้เตะลูกบอล ต้องเหยียดตรง ทำมุม 180 องศา กับหน้าแข้ง

5.คิดถึงจุดปะทะบอลเพียงอย่างเดียวครับ

6.ลูกบอลที่ออกไปมีเปอร์เซ็นต์ ที่จะส่าย ไปมาสูง ลูกบอลพุ่งเรียดต่ำ และ กลายเป็นประตูครับ เฮๆๆๆ

ภาพข้างต้น เป็นจุดสำคัญ ในการเตะลูกฟุตบอลด้วยหลังเท้า จะเป็นส่วนของ แนวกระดูกนิ้วหัวแม่เท้าซึ่งถือว่า ชิ้นใหญ่ และมีความแข็งแรงที่สุด หากเทียบกับนิ้วเท้าอีก 4 นิ้วที่เหลือ หากลูกบอลสัมผัสจุดนี้ เราก็จะสามารถยิงบอลให้แรง หรือเตะบอลให้แรงได้อย่างไม่ยาก

การเหยียดปลายเท้าจะช่วยให้ จุดที่แข็งที่สุดของเท้า หรือเข็มแทงชนวนระเบิด สัมผัสลูกบอลได้ง่ายขึ้น เป็นอีกวิธีในการเตะบอลให้แรง

วิธียิงไกล จำเป็นต้องใช้เทคนิค ยิงบอลให้แรง

 

การยิงไกล ให้นำเทคนิคข้างต้นมาใช้ครับ แต่สำหรับมือใหม่ เทคนิคการเล็ง มุมที่จะยิง คือ ให้ยิงลูกฟุตบอลไปที่เสาประตู ข้างใดข้างหนึ่ง หรือ เล็งไปที่ตัวผู้รักษาประตูเลยครับ หากเป็นมือใหม่ เพราะการยิงลักษณะนี้ผู้รักษาประตู หรือแม้กระทั่งผู้เตะบอลเอง ก็ยังคาดเดาไม่ออกเลย ว่าจะไปทิศทางใด เน้นให้เข้ากรอบไว้ก่อนครับ หากเป็นการยิงที่ใช้ความรุนแรง ก็จะเป็นการ เตะบอลให้แรงและบอลเข้าเป้าหมายด้วย